ไม่ได้กลิ่น มองไม่เห็นหรือสัมผัสไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าจะ “ไม่อันตราย”เพราะเจ้าฝุ่น PM2.5 ที่กำลังแพร่กระจายและลอยอยู่เต็มพื้นที่ทั่วภาคเหนือและกำลังลงไปยังภาคกลางนั้น มีความอันตรายมากกว่าที่ทุกท่านคิด ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยกันเตือนภัยสำหรับปัญหาสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต วันนี้เราจึงควรมีความรู้และความเข้าใจเพื่อจะได้รับมือกับเข้าฝุ่น PM2.5 ได้ เราไปดูกัน
ฝุ่น PM2.5 คืออะไร
ณ เวลานี้เจ้าฝุ่นตัวร้ายนี้มีความอันตรายไม่น้อยไปกว่าโรคภัยไข้เจ็บอื่น ๆ ด้วยผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะยาว ส่งผลให้เราจะต้องมาเรียนรู้และหาวิธีรับมือกับมัน เพราะท้ายที่สุดแล้วทุกท่านก็คงจะไม่ยอมย้ายบ้านหนีหรือทิ้งบ้านไปอยู่ที่อื่นแน่ ๆ โดยเข้าฝุ่น PM2.5 นั้น คือ ฝุ่นละอองในอากาศที่มีขนาดอนุภาคเล็กมาก ๆ ซึ่งเล็กกว่า 2.5 ไมครอนหรือไมโครเมตร และด้วยความที่มันมีขนาดเล็กมาก ๆ เราจึงมองไม่เห็นด้วยตา ซึ่งหากฝุ่นชนิดนี้มีปริมาณสูงมาก ก็จะส่งผลอันตรายสุด ๆ ต่อการหายใจและการใช้ชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก โดยสาเหตุและที่มาของเจ้าฝุ่น PM2.5 นั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ควันบุหรี่ การเผาขยะ เผาหญ้า เผาเชื้อเพลิงที่ใช้ในโรงงาน หรือแม้กระทั่งการเผาถ่านจากเตาปิ้งย่างก็เกี่ยวด้วยเช่นกัน และด้วยขนาดของมันที่เล็กมาก ๆ จึงสามารถลอดผ่านการกรองของขนจมูก หน้ากากอนามัยแบบทั่วไป และจะเข้าสู่ถุงลมปอด ซึมเข้าสู่กระแสเลือดและทำให้เกิดผลเสียอย่างมากต่อร่างกายได้ในที่สุด
Advertisementอันตรายของ PM2.5
เรียกได้ว่ามีผลเสียและมีอันตรายอย่างมากแน่นอนสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ในสภาพอากาศที่มีปริมาณ PM2.5 มาก ๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ซึ่งช่วงที่หนักสุดๆ สำหรับภาคเหนือนั้นมีค่าเฉลี่ยของความเข็มข้น PM2.5 อยู่ที่ไม่น้อยกว่า 200 – 250 µg/m³ และอาจพุ่งสูงไปทะลุ 400 ได้ในบางวัน โดยทุกท่านสามารถเข้าไปดำเนินการตรวจสอบได้ ที่นี่ IQAir ซึ่งจะดำเนินการตรวจวัดและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศทั่วโลก ดังนั้นในส่วนต่อจากนี้เราจึงขอนำเสนอรายละเอียดซึ่งเป็นการสรุปอันตรายและความน่ากลัวของเจ้าฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีดังนี้
อันตรายกับผิวหนัง
สำหรับท่านที่ต้องสัมผัสกับฝุ่นควันตลอดเวลา ถ้ารู้สึกคันตามร่างกาย บริเวณผิวหนังมีการอักเสบ เกิดเป็นตุ่มผื่น หรือตุ่มนูนแดง บางครั้งคล้ายเป็นผื่นเล็ก ๆ ซึ่งอาจมีการกระจายบนผิวหนังบริเวณแก้ม ซอกคอ ข้อพับแขน ข้อเท้า หรือบริเวณที่เหงื่อออกง่าย ให้ตั้งสันนิษฐานไว้ก่อนได้เลยว่าท่านอาจจะเกิดอาการ “แพ้ฝุ่น” ซึ่งสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรงนั้น อาจจะเกิดอาการคันเป็นผื่นแดง ผิวหนังบวม นูน จะลามไปทั่วทั้งร่างกาย ลักษณะคล้ายเป็นโรคผิวหนัง และสำหรับฝุ่น Pm 2.5 ที่มีขนาดเล็กกว่าปกติ ก็ยิ่งสามารถทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
อันตรายกับดวงตา
ดวงตาถือเป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ในการดำเนินชีวิต ซึ่งหากโดนฝุ่น Pm 2.5 เป็นประจำ ท่านเองอาจจะมีอาการแพ้ ซึ่งสามารถส่งผลให้เกิดอันตรายอย่างมากต่อดวงตา ซึ่งอาการแพ้ที่เกิดในบริเวณรอบดวงตานั้น สามารถเกิดได้ทั้งในบริเวณดวงตา นัยน์ตา และเปลือกตา โดยมักมีอาการ ตาแดง เปลือกตาบวม มีน้ำตาไหล ใต้ตาช้ำ มีสีคล้ำขึ้น มีอาการคันบริเวณรอบดวงตา ซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้เยื่อบุนัยน์ตาอักเสบ และอาจส่งผลให้เป็นโรคภูมิแพ้ขึ้นตา ซึ่งหากท่านมีอาการในลักษณะนี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง ซึ่งจะเป็นโรคที่พบมากในเด็ก วัยรุ่น หนุ่มสาว มากกว่าวัยอื่น ๆ และพบว่าผู้ชายสามารถมีอาการแพ้นี้ได้มากกว่าผู้หญิง ประมาณ 75% และยิ่งไปว่านั้น หากท่านมีอาการแพ้ที่ดวงตา ท่านเองอาจจะมีอาการของผื่นผิวหนังอักเสบ หรือหอบหืดร่วมอีกด้วย
อันตรายกับระบบทางเดินหายใจ
การหายใจโดยไม่มีการป้องกันฝุ่นโดยเฉพาะในช่วงนี้ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นช่วงปลอดโรคภัยจากไวรัสตัวร้าย แต่ท่านนั้นอาจจะมีความเสี่ยงต่ออันตรายที่เกิดจากฝุ่น ซึ่งจะทำให้เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากทุกท่านอาจมีอาการแพ้ โดยเบื้องต้นจะรู้สึกแสบ คัน แน่น ในโพรงจมูก แน่นหน้าอก ไอ จาม มีน้ำมูกแบบใส ๆ ซึ่งอาการแรกเริ่มนั้นอาจจะมีอาการคล้ายคนเป็นโรคหอบหืด หายใจไม่ทั่วท้อง หายใจลำบาก การหมุนเวียนออกซิเจนภายในปอดแย่ลง ซึ่งโดยรวมจะดูคล้ายคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ บางคนอาจมีอาการแพ้แบบเฉียบพลัน หรือการแพ้แบบรุนแรง และอาจถึงขั้นต้องพ่นยาขยายหลอดลม หรือต้องฉีดยาแก้แพ้ ซึ่งการอาการเหล่านี้ หากท่านมีอาการบ่อยขึ้นหรือเกิดขึ้นเป็นประจำ อาการแพ้นี้อาจจะส่งผลให้ท่านเป็น “โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ” อย่างถาวรได้ โดยอาจเป็นอันตรายได้หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและต่อเนื่อง
ดังนั้นแม้อันตรายที่ว่าของเจ้า PM2.5 อาจจะยังไม่แสดงอาการในวันนี้ แต่อย่างน้อย ๆ ทุกท่านก็ควรพิจารณาและให้ความสำคัญ หาวิธีหรือมาตรการป้องกัน เพื่อให้สัมผัสกับฝุ่น PM2.5 โดยตรงน้อยที่สุด