[ชวนอ่าน] Organic 101 : ชีวิตนั้นไม่ง่ายแต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ออแกนิคก็เช่นกัน (ต้องการ)

บทความ โดย Dok Talom

หนังสือฝุ่น ๆ กับคุณวันพฤหัสฯ วันนี้จะพาทุกคนไปเปิดโลกของคำว่า Organic (ออแกนิค) กันค่ะ จริง ๆ ฉันมีโอกาสได้รู้จักคำ ๆ นี้ผ่านหนังสือเล่มหนึ่งเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว จากหนังสือ Slow Bookของคุณต้องการ (วลัยกร สมรรถกร) เธอเป็นทั้งนักเขียนและนักวาดภาพประกอบ ผลงานของเธอคุ้นตากันดีจากนิตยสาร a day นิตยสารที่ทุกคนในยุคนั้นต้องรู้จัก แม้วันนี้เธอจะจากโลกนี้ไปแล้วแต่ผลงานดี ๆ ของเธอจะทำให้โลกของใครบางคนดีขึ้นและงานของเธอจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมสืบไป ขออาลัยและขอขอบคุณเธอที่สร้างผลงานที่แสนดีมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

Advertisement
(หนังสือเล่มแรกที่ทำให้ฉันรู้จักกับคำว่า ออแกนิค Slow Book)

จริง ๆ แล้วฉันสนใจกับคำ ๆ นี้มาตั้งแต่ตอนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ แต่ด้วยวิถีชีวิตและวัยในเวลานั้น ทำให้ห่างไกลกับคำ ๆ นี้จริง ๆ แต่ในระหว่างทางนี้เองแม้ฉันจะไม่ได้ยึดหลักการใช้ชีวิตแบบ ออแกนิคอย่างที่ได้อ่านหรือรู้มา แต่ก็เหมือนว่ามันซึมซับอะไรบางอย่างไปจากการอ่านหนังสือเล่มนั้น อย่างเช่น บางทีก็มีโอกาสได้ปลูกผักทานเองบ้าง หรือเลี่ยงผักจากตลาดที่คิดว่าน่าจะใส่สารเคมี โชคดีที่จังหวัดที่ฉันอยู่มีตลาดอินทรีย์อยู่หลายแห่ง เลยได้ทานผักที่ค่อนข้างปลอดสาร (แต่ถ้าเป็นออแกนิคจริง ๆ คือปลูกเองน่าจะดีที่สุด) ส่วนเรื่องอื่น ๆ อย่างการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารเคมีรุนแรงนั้นยังทำไม่ค่อยได้นัก เพราะช่วงนั้น คำว่า ออกแกนิคหรืออินทรีย์ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย แต่ไม่กี่ปีมานี้เริ่มเป็นเทรนด์และผู้คนก็เริ่มเห็นความสำคัญและตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตมากขึ้น เลยเริ่มมีทางเลือกมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน

หวังว่าการกลับมาทำรู้จักกับโลกออแกนิคในครั้งนี้จะสนิทสนมกับมากขึ้นนะ ^ ^

(กระเจี๊ยบเขียวที่ปลูกเองที่บ้านขอบอกว่ามันอร่อยมาก ๆ อยากให้ลองปลูกกันดูนะคะ)

Organic 101 หนังสือเล่มนี้เป็นของสำนักพิมพ์ FULLSTOP แน่นอนว่ารูปเล่มนั้นเชื่อมือสำนักพิมพ์ได้เลยว่า สวย ควรค่าแก่การเก็บสะสมและครอบครอง สำหรับหนังสือเล่มนี้บอกเลยว่า ควรเก็บไว้เป็นหนังสือคู่มือชีวิตในอีกด้าน ที่เมื่อเปิดอ่านครั้งใด ราจะได้ทั้งความรู้และได้เสพงานศิลปะสวย ๆ ไปด้วยเสมอ เพราะความพิเศษคือภาพประกอบหนังสือเล่มนี้ถูกคุณต้องการสร้างสรรค์ผ่านธรรมชาติจริง ๆ โดยสีที่เธอใช้ระบายภาพประกอบนั้น เธอสกัดมาจากธรรมชาติ อย่างสีของดอกอัญชัน ดอกกรรณิการ์ และอื่น ๆ รอบบ้านของเธอ ซึ่งจริง ๆ มีหนังสืออีกเล่มที่เธอเขียนเกี่ยวกับเรื่องสีนี้ ไว้ฉันไปตามเก็บก่อนนะคะ แล้วจะมาชวนอ่านกันอีกทีนะคะ

(ภาพประกอบที่แสนละมุนที่ถูกสร้างสรรค์มาจากวัตถุดิบธรรมชาติดูมีเสน่ห์และมีเรื่องราวมาก ๆ)

เนื้อหาภายในเล่มจะบอกเล่าประสบการณ์ตรงของคุณต้องการ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง และเธอมีวิธีการรับมือกับมันอย่างไร ซึ่งเธอเลือกวิธีการแบบ ธรรมชาติบำบัด เธอจึงค่อย ๆ เรียนรู้กับคำว่า ออแกนิค จากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของเธอ เช่น การย้ายไปอยู่ที่ ๆ อากาศบริสุทธิ์, การเลือกทานอาหารที่มาจากธรรมชาติจริง ๆ, การคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีในของข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน  รวมถึงการรักษาเยี่ยวยาตัวเองด้วยวิถีแห่งธรรมชาติ ซึ่งบอกเลยว่าเมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบ เราจะพบเลยว่าจริง ๆ ออแกนิค มันไม่ยากอย่างที่คิดนะเผลอ ๆ มันชวนให้เราสนุกกับการตามหาวัตถุดิบ หรือผลิตภัณฑ์เหล่านี้ด้วยซ้ำ

(เรียนรู้วิถีออกแกนิคผ่านเรื่องราวและประสบการณ์จริงของคุณต้องการ และฉันเชื่อว่ามันไม่ยากอย่างที่เราคิดค่ะ) 

วิถีธรรมชาติ ในเวลานี้อาจไม่ใช้ทางเลือกอีกต่อไป แต่มันอาจเป็นทางที่ดีที่สุดในเวลานี้ เวลาที่โรคภัยไข้เจ็บมีมาให้เราพบเจอมากมาย ไหนจะเรื่องของเศรษฐกิจ ข้าวของเครื่องใช้ที่แสนจะแพง (แต่อาจไม่ได้คุณภาพที่ดีต่อร่างกายเรา) การเข้ามาเรียนรู้วิถีที่แสนเรียบง่ายและมีคุณค่าต่อชีวิตน่าจะเป็นวิธีที่เราทุกคนทำได้ตั้งแต่วันนี้ อย่าให้อะไรมันสายเกินแก้ไปกันนะคะ เริ่มจากหาหนังสือดี ๆ อย่างเล่มนี้มาอ่านกันค่ะ แล้วเราจะมาเรียนรู้ไปด้วยกันในโอกาสหน้านะคะ

(ฝรั่งที่ปลูกกินเองของที่บ้าน มันหวานและอร่อยเพราะถูกดูแลด้วยความรักและใส่ใจจากคุณแม่ค่ะ)