
บทความ โดย Dok Talom
ว่าด้วยเรื่องแมวและเวทมนต์แล้วนั่นน่าจะเป็นของคู่กันมาแต่ไหนแต่ไร อย่างแมวตัวแรกที่ฉันรู้จักน่าจะเป็น “ลูน่า” แมวตัวสีเทามีรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวอยู่กลางหน้าผากในเรื่องเซเลอร์มูน และแมวตัวนี้เอง ได้นำพาชีวิตเด็กสาวคนหนึ่งไปรู้จักอีกโลกหนึ่งที่เธอไม่เคยคิดว่ามี จนเกิดเรื่องราวแสนมหัสจรรย์มากมายเกิดขึ้น นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายตัวเช่น “เซเลม” แมวดูผู้คอยดูแลและปกป้อง Sabrina “จิจิ” แมวคู่ใจไปไหนไปด้วยของแม่มดน้อยกิกิ หรือแมวของ Hermione อย่าง “ครุกแชงก์” ที่ว่ามาแล้วนั้น คือแมวแต่ละตัวล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเวทมนต์ทั้งสิ้น

แมวนักพยากรณ์แห่งร้านกาแฟจันทร์เต็มดวง จึงเป็นหนังสืออีกเล่ม ที่เหล่าทาสแมวไม่ควรพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับ “แมว” โดยแมวในเรื่องนี้ จะพาเราเข้าสู่โลกของศาสตร์แห่งการพยากรณ์ พาเราไปรู้จักหน้าที่ของดวงดาว ว่าส่งผลอย่างไรกับชีวิตเรา และเราควรรับมืออย่างไร และยังคอยเสริฟเมนูขนมหวานที่แค่ฟังชื่อก็เรียกน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเราเบา ๆ อีกด้วย เรียกได้ว่าอ่านไปหิวไปเลยทีเดียวเลยค่า

แน่นอนว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับแมว แต่เหล่าแมวมาทำอะไรกันในร้านกาแฟที่ชื่อจันทร์เต็มดวงน่ะเหรอ ก็มาคอยช่วยเหลือเหล่ามนุษย์ที่ชีวิตกำลังอยู่ในช่วงสับสน หว้าเหว่ และหลงทางไงล่ะ ฮีโร่สุด ๆ เลยนะเจ้าเหมียว
โดยเรื่องราวเหล่านี้ถูกถ่ายทอดโดย ไม โมจัทสึกิ และถูกแปลโดยสำนักพิมพ์ PICCOLO ซึ่งเป็นอีกสำนักพิมพ์ที่จับเอาหนังสือจากต่างประเทศมาแปลให้เราได้อ่าน และแต่ล่ะเล่มล้วนอบอุ่นหัวใจ อย่างเรื่องที่เคยแนะนำไปอย่าง “โกโก้อุ่น ๆ กับคุณในวันพฤหัสฯ” ก็เป็นหนึ่งในนั้นนะ และตามเคยฉันต้องตามอ่านให้ได้ทุกเล่มจ้า

เข้าเรื่องกันต่อ ในร้านกาแฟแห่งนี้จะเปิดให้บริการทุก ๆ วันที่จันทร์เต็มดวงเท่านั้น และสถานที่ก็ไม่แน่นอน ใช่ว่าใครจะไปได้ที่ไหนกันล่ะ ร้านเค้าเลือกลูกค้านะคุณ อยากให้เลือกเราบ้างจัง แหะ ๆ ซึ่งคนที่จะเข้าไปดื่มด่ำกับรสชาติความอร่อยจากเมนูในร้านนั้นก็เป็นกลุ่มคนที่ถูกโชคชะตานำพามารู้จักกันตั้งแต่ในอดีต อย่างนักเขียนผู้ที่เคยโด่งดังแต่ตอนนี้กำลังตกอับและไส้แห้ง, ผู้กำกับรายการที่หัวใจว้าวุ่นและสับสนในความเป็นตัวเอง และยังมีหนุ่มเจ้าของบริษัทไอทีที่กำลังตกหลุมอากาศและตกหลุมรักในเวลาเดียวกัน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ ล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกันโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว แต่เหล่าแมวนั้นต่างรู้จักพวกเขาเหล่านั้นดี จนต้องเชิญให้ไปเป็นแขกผู้มีเกียร์ติแห่งร้านกาแฟจันทร์เต็มดวง

เรื่องนี้นอกจากจะมีความเป็นแฟนตาซีให้เราได้จินตนาการแล้ว ผู้เขียนได้พาเราให้ทำความเข้าใจกับชีวิตอีกด้วย อย่างประโยคหนึ่งในหนังสือที่ว่า “แรกเริ่มเป็นน้ำเปล่า จากนั้นกลายเป็นน้ำร้อน เมื่อใส่ใบชาก็กลายเป็นน้ำชา พอเทนมลงไปก็กลายเป็นชานม” มันทำให้ฉันคิดได้ว่าชีวิตคนเรามันต้องผ่านเรื่องราวแต่ละช่วงเวลาตั้งแต่เด็กจนโตและเรื่องราวที่ผ่านเข้ามานั้น ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือร้ายมันต่างเข้ามาเติมให้ชีวิตเติบโต เราในวันนี้อาจเป็นคนล่ะคนกับเราในวัยเยาว์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอ อยู่ที่เราจะรับมือและเข้าใจมันอย่างไรต่างหาก พอได้อ่านเรื่องราวผ่านตัวละครหลาย ๆ ตัวในเรื่องนี้ก็แอบอบอุ่นหัวใจเบา ๆ หรือหนังสือเล่มนี้จะมีเวทย์มนต์อยู่จริงกันนะ ^_^