เปิดโลกงานทำมือกับงานปั้นเซรามิค ซึ่งหากคุณทำผลงานชิ้นนั้นเสร็จ รับรองได้เลยว่ามันจะเป็นงานที่มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นในโลกใบนี้
บทความ โดย Dok Talom
ชวนทำวันนี้จะมาพาทุกคนไปรู้จักกับโลกเซรามิคของฉัน คือตั้งแต่จำความได้ก็รู้สึกผูกพันกับจานชาม ข้าวของเครื่องใช้หรือตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ ที่แสนจะบอบบางและต้องคอยระมัดระวังไม่ให้มันแตก เพราะแม่ฉันเป็นนักสะสมเซรามิคตัวยงของบ้าน เวลาไปที่ไหนถ้ามีโอกาสแม่ก็จะหอบเจ้าพวกนี้กลับมา และนั่นคงเป็นจุดเริ่มต้นที่ฉันเริ่มหลงรักมันไปด้วย หากใครหลงรักเจ้าพวกนี้จะรู้เลยว่า หากได้จานชามลวดลายที่สวยและถูกใจ อาหารจานนั้นจะอร่อยเพิ่มขึ้น เรียกได้ว่ามันเป็นทั้งอาหารตาและอาหารใจเลยก็ว่าได้

แล้วโชคชะตาก็พาให้เราพบกัน อยู่ๆ สตูดิโอปั้นเซรามิคก็ลอยมาอยู่ในมือถือ (IG) ของฉัน นั้นก็คือ สตูดิโอ Naru Ceramic ซึ่งราคาครอสเรียนในตอนนั้นราคาหลักร้อยเองค่ะทุกคน ฉันเลยได้มีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์ที่ใฝ่ฝันแสนมานาน ซึ่งเทคนิคการปั้นนั้นเป็นการขึ้นรูปด้วยมือ และเราสามารถเลือกได้ว่าอยากปั้นอะไร โดยมีดินให้เราก้อนหนึ่ง เราอยากปั้นอะไรคุณครูที่สอนก็จะสอน หรือถ้าคิดไม่ออกก็สามารถปั้นตามตัวอย่างที่สตูดิโอได้เลยค่ะ โดยคุณครูที่สอนปั้นเราคือ คุณครูออม ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์โดยตรงเพราะเรียนจบทางด้านนี้มาและยังมีผลงานของตัวเองออกมาจำหน่าย และผลงานของเธอก็น่ารักและโดดเด่นมากๆ สามารถติดตามผลงานและครอสเรียนของ Naru ได้ที่เฟสบุ๊คและอินสตาแกรมค่ะ ติดตามได้ที่
https://www.facebook.com/naruceramic และ https://www.instagram.com/naruceramic/
Advertisement
สำหรับครั้งแรก ฉันเลือกปั้นกระถางต้นไม้เล็ก ๆ ค่ะ เพราะตอนนั้นกำลังสนุกกับการปลูกต้นไม้และมีความคิดอยากจะลองทำขายดู เลยร่างแบบไปคราว ๆ แล้วให้ครูออมช่วยสอน ซึ่งอยากบอกว่าสนุกมาก ๆ ค่ะ การที่เราได้สัมผัสดินแล้วใช้แรงนวด บีบ และปั้นมันเป็นความรู้สึกที่ผ่อนคลายและได้อยู่กับตัวเองดีค่ะ ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ฝึกสมาธิและคลายเครียดได้ดีเลยนะคะ

หลังจากกระถางใบแรกสำเร็จ ใบที่สองและสามก็ตามมา โดยใบถัด ๆ มาฉันขอซื้อดินจากสตูดิโอ Naru กลับมาลองปั้นเล่นที่บ้านและหาซื้ออุปกรณ์ที่พอซื้อได้มาลองปั้น จำได้ว่าวันนั้นปวดไมเกรนประมาณเกือบอาทิตย์ไม่หายสักที เลยตัดสินใจเอาดินที่ซื้อกลับมาลองปั้นเล่นดู ปรากฏว่าอาการปวดไมเกรนหายไปในอีกวันเลยค่ะ จะเรียกได้ว่าการปั้นดินเป็นการบำบัดหรือเปล่านะ จากนั้นก็ตัดสินใจลงเรียนอีกครอสหนึ่ง โดยรอบนี้เลือกปั้นแก้วและที่ดริปกาแฟโดยมีแรงบันดาลใจมาจากภูเขาไฟฟูจิค่ะ คุณครูออมของเราก็น่ารักเช่นเคย ช่วยสอนและแนะนำจนได้ชิ้นงานที่แสนจะภูมิใจออกมา แม้จะเกิดรอยแตกนิดหน่อยแต่ก็ใช้ได้จริง

หากใครอยู่เชียงใหม่หรือมีโอกาสได้มาเที่ยวแล้วมองหา Workshop ระยะสั้น ๆ ใช้เวลาเพียงแค่ 3-5 ชม.แล้วแต่รอบที่จะจอง ซึ่งวันหนึ่งจะเปิด 2 รอบ แต่ช่วงนี้เหมือนว่าที่สตูดิโอยังไม่เปิดครอสเรียน ยังไงลองโทรถามหรือติดตามได้ในช่องทางต่าง ๆ ของสตูดิโอได้นะคะ สตูดิโอตั้งอยู่ที่อำเภอสันกำแพง ขับออกจากเมืองไม่ไกลมากค่ะ อยากให้มาลองสัมผัสประสบการณ์ที่ดีและสร้างสรรค์ที่สำคัญมันมีชิ้นเดียวในโลกค่ะ ^ ^
