กว่าจะมาเป็นปุณปั้น

“ทุกอย่างล้วนต้องใช้เวลากันทั้งนั้น ลองคิดดูถ้าหากเราประสบความสำเร็จมันก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดี แต่ถ้าหากไม่ประสบความสำเร็จมันก็จะเป็นประสบการณ์สำหรับเรา ที่ได้เรียนรู้ในข้อดีและข้อเสียของมัน เพราะมันคือ ประสบการณ์การณ์ชีวิตของเรา”

ต้องบอกเลยว่าก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะมาทำงานดินไทยปั้นของจิ๋วนั้น แอดเคยทำงานเป็นพนักงานบริษัทมาก่อน และทำงานมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานร้านกาแฟ บาริสต้า ผู้จัดการร้านกาแฟ พนักงานเจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้สิน และพนักงาน call center

ซึ่งตอนที่ทำงานเป็นผู้จัดการร้านกาแฟนั้น เป็นช่วงที่กำลังจะเริ่มสร้างชีวิตครอบครัว และกำลังจะมีเจ้าตัวเล็ก โดยเป็นช่วงเวลา ที่เราเริ่มรู้สึกว่าอยากที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้น เพิ่มมากกว่าที่หาได้ในช่วงนั้น เพื่อที่จะได้เตรียมตัวสำหรับเจ้าตัวน้อย

พอคลอดเจ้าตัวเล็กก็เริ่มมอง ๆ หางานใหม่ พร้อมกับมองหางานที่มีเวลาที่จะได้ดูแลเจ้าตัวเล็กด้วย ก็ได้มาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้สิน ยอมรับว่าช่วงนั้นทำงานหนักมากและเครียดมาก เข้าทำงาน 9 โมงเช้าเลิกงาน 6 โมงเย็น บางวันหรือบางอาทิตย์ก็เลิกงาน 2 ทุ่ม เพราะจะได้มีเวลาตอนเช้าไปส่งเจ้าตัวเล็กไปเนอสเซอรี่

เจอหน้ากันอีกทีก็ตอนเย็น บางวันคือเจอกันอีกทีลูกก็หลับไปแล้ว บางทีกลับมาเอาความเครียดจากที่ทำงานกลับมาด้วย ทั้งความเครียดเรื่องยอดลูกค้า เครียดเรื่องหัวหน้า เพราะถ้าเรายอดไม่ดี เราจะได้เงินน้อยมาก แถมยังไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลและเล่นกับลูก แถมกินอาหารก็ไม่เป็นเวลาอีกด้วย

Advertisement

ดังนั้น จึงเริ่มคิดหาหนทางใหม่ เริ่มหางานใหม่ที่จะไม่เครียดและได้ฐานเงินเดือนที่แน่นอน และมีความมั่นคง จึงได้มาทำงานเป็น call center ของเครือข่ายโทรศัพท์แห่งหนึ่ง ได้ฐานเงินเดือนที่มั่นคงเริ่มต้น 18,000 บาท ช่วงที่อบรมก็จะได้เงินอัตรานี้ พอผ่านช่วงอบรมก็จะมีค่าคอมฯ ให้แล้วแต่ผลงานของเราอีกที

ตอนนั้นเวลาเข้างานคือ 11 โมงเลิกงานประมาณ 3ทุ่ม และก็ปรับเวลามาเป็นเข้างานตี 5 และออกงานเวลาประมาณบ่าย 2 โมง ตอนนั้นการเงินดีมาก แต่เวลาให้ลูกไม่ต้องถามเลยยิ่งกว่างานแรกเสียอีก ออกเช้ากลับดึก สลับกันไป จนมาถึงช่วงหนึ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนคือ มานั่งคุณกับสามีว่าเราจะทำยังไง เพราะรู้สึกว่าเราให้เวลากับเขาไม่เต็มที่เลย เพราะสามีก็ทำงาน ต่างคนต่างทำงาน จึงมาสรุปกันว่าเราออกงานมาเป็นแม่บ้าน นั้นแหละคือ จุดเปลี่ยน และ จุดเริ่มต้นใหม่ของเราที่หันมาทำอาชีพเป็นคุณแม่บ้าน

เริ่มต้นอาชีพแม่บ้าน

หลังจากที่ผันตัวเองมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวแล้ว เริ่มแรกก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่เพราะเมื่อก่อนเราเคยออกจากบ้านไปทำงาน พอเริ่มมาเป็นแม่บ้านก็มีเวลาทำงานภายในบ้าน มีเวลาดูแลลูกและครอบครัวมากขึ้น แต่ มีคำว่า แต่นะ ใครบอกเป็นแม่บ้านสบาย ขอเถียงหัวชนฝาเลยจ้า ไม่สบายนะจ๊ะเธอจ้า พอเวลาผ่านไปหลายเดือนก็เริ่มมีความรู้สึกว่าอยากที่จะกลับไปทำงาน เพราะปกติเรามีเงินใช้เป็นของตัวเองตลอด

แต่ตอนนี้คือรายได้มาจากทางสามีอย่างเดียว เริ่มรู้สึกไม่โอเค ลองปรึกษากับสามีว่ากลับไปทำงานดีกว่าไหม จะได้มีรายได้เพิ่มด้วย แต่สามีก็บอกว่ามีรายได้เพิ่ม แล้วลูกจะอยู่ยังไง ใครจะดูแลเขา เวลาที่เขาไม่อยู่ไม่ว่างต้องไปทำงานที่อื่น ใครจะไปรับ – ไปส่งลูก ใครจะอยู่ดูแลลูก เท่านั้นแหละ ก็เริ่มหาหนทางใหม่เริ่มคิดหาหนทางเพื่อหารายได้ 

เริ่มหางานทำที่บ้าน

โดยเริ่มจากการเอาเสื้อผ้าของตัวเองออกมาขาย เริ่มหาเสื้อผ้ามาขาย แต่ก็ไม่โอเคเท่าไหร่ ก็หันมาขายของออนไลน์ ขายครีมสมัครเป็นตัวแทน แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ช่วงนั้นคือ เครียดมากรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าเลย อยู่แต่แค่ที่บ้าน คอยทำงานบ้าน เลี้ยงลูกเท่านั้น ก็เลยลองเปิดดู Youtube ช่วงว่าง ๆ  ดูก็ไปเจอกับ คลิปที่มีการทำสอนปั้นขนม และ อาหารของญี่ปุ่น จึงเกิดเป็นความสนใจขึ้นมา ว่า ถ้าหากเราลองนำมาปั้นเป็นพวงกุญแจ ดูก็คงได้ 

จุดเริ่มต้นของ ปุณปั้น

หลังจากนั้นก็เริ่มศึกษาหาข้อมูล และวิธีการทำต่าง ๆ นานา ลองผิด ลองถูกมาหลายครั้ง จนเกิดไอเดีย ว่าเราลองเอาลงขายในเฟสดูดีไหม เผื่อมีคนสนใจ สรุปก็มีคนสนใจจริง ๆ เริ่มมีกำลังใจทำมากขึ้น และเริ่มมองหาไอเดียใหม่ ๆ มากขึ้น ว่าถ้าเราลองมาทำเป็นเครื่องประดับดูคงจะดูเก๋ดี ก็เลยลองทำดู ผลตอบรับก็คือ ว่าโอเค พยายามศึกษาหาวิธีการขายออนไลน์ดู และ หาพื้นที่โชว์ผลงานของเราเอง ที่เกี่ยวกับงานแฮนด์เมดดู จนตอนนี้ ก็เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น มีเวลาให้กับลูก และยังมีเวลาหาเงินด้วย

เพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจจะหารายได้เพิ่มก็สามารถลองทำดูกันนะคะ หรือคุณแม่บ้านคนไหนที่กำลังอยากจะหารายได้ให้กับตัวเอง และครอบครัวก็ลองทำดูค่ะ ไม่จำเป็นต้องทำดินปั้นก็ได้ เราลองหาแนวทางของตัวเองดูนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่ว่างงาน หรือ คุณแม่บ้าน หรือ คนที่กำลังหารายได้เสริมค่ะ และนี้ก็คือที่มาที่ไปของ Poonpun ค่ะ งานที่อยากจะประสบความสำเร็จ คือเราต้องมีใจรักในการทำงานนั้น ๆ ด้วยนะคะ เพราะผลงานที่ออกมาจะแสดงให้เห็นจะสื่อถึงว่า เรามีความสุขกับมันมากน้อยแค่ไหน มีความใส่ใจในรายละเอียดมากน้อยเท่าไหร่ 

ข้อดีของงานเสริมทำที่บ้าน

  1. รู้จักการบริหารเวลา แน่นอนเป็นที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าถ้าเราทำงานประจำ แล้วทำงานเสริมด้วยเราต้องรู้จัก แบ่งเวลาในการทำงาน เพื่อไม่ให้กระทบกับงานหลัก สำหรับคนที่มีงานประจำ ส่วนคนที่ว่างงานหรือ คุณแม่บ้าน ก็ต้องรู้จักแบ่งเวลา เวลาที่จะทำงานบ้าน และ เวลาที่จะทำงานเสริม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบอย่างอื่น เราควรจะแบ่งเวลาให้ดี และควรจะมีเวลาที่จะพักผ่อนด้วย หากทำอย่างหักโหมคงไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกายแน่นอน อันนี้สำคัญค่ะ เดี๋ยวร่างกายเราจะรับไม่ไหว
  2. มีรายได้เพิ่มจากหลาย ๆ ทาง บางครั้งการทำงานประจำอย่างเดียว อาจจะไม่พอสำหรับใคร หลาย ๆคน การที่เราหารายได้เพิ่ม มันเป็นสิ่งที่ดีและยังทำให้เรามีรายได้เพิ่มอีกด้วย สำหรับใครที่เป็นแม่บ้าน ก็สามารถหารายได้เสริมมากกว่า 1 อย่างได้ค่ะ เพราะอย่างน้อยเราก็จะมีรายได้ทางอื่นมาทดแทนได้กันได้ค่ะ 
  3. ได้เรียนรู้ได้ลองผิดลองถูก อย่างที่บอก เราต้องเรียนรู้ในการที่จะกล้าลอง อย่ามัวแต่กังวล หรือลังเล ที่จะตัดสินใจ หากเรามัวแต่กลัว ไม่กล้า เราเองอาจจะเสียใจภายหลัง ว่า ทำไมไม่ทำ ว่าทำไมมัวแต่ลังเล มัวแต่มานั่งคิด มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น สู้ลองทำไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ดีก็เลิก ถ้าดีก็ลุยต่อ (แต่ห้ามลงทุนมาก ลงทุนไปเลื่อยจนมั่วไปหมดก็ไม่ไหว จะกลายเป็นหาทิศทางไม่เจอ จะแย่เอาได้) ทุกอย่างล้วนต้องใช้เวลากันทั้งนั้น ลองคิดดู ถ้าหากเราประสบความสำเร็จมันก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดี แต่ถ้าหากไม่ประสบความสำเร็จมันก็จะเป็นประสบการณ์สำหรับเราที่ได้เรียนรู้ในข้อดีและข้อเสียของมัน เพราะมันคือ ประสบการณ์การณ์ชีวิตของเรา และยังฝึกความอดทนของเราด้วยค่ะ
  4. ได้ค้นหาตัวเองหรือได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก บางคนก็อาจจะไม่ชอบในงานประจำที่ตัวเองทำ แต่เพราะมีความจำเป็นเลยต้องฝืนทำ จนไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำในสิ่งที่ตัวเองรัก การมีงานเสริมก็อาจเป็นทางออกที่ดี สำหรับใคร ที่อยากจะทำงานที่เราชื่นชอบ และ สร้างรายได้ให้กับเราได้อีกทาง เริ่มจากเล็ก ๆ ก่อน ค่อยทำไปค่อย ๆ ฝึกฝนประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ เช่น ทำขนม ทำอาหาร ทำงานฝีมือ หรือ ขายของออนไลน์ อย่างน้อยมันก็จะทำให้เรารู้สึกว่าก็ยังได้ทำในสิ่งที่อย่างทำ จะได้ผ่อนคลายและไม่รู้สึกเครียด 
  5.  ได้ภูมิใจในตัวเอง การทำอาชีพเสริม ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะพิสูจน์ตัวเราเองด้วย ว่าเราจะทำได้ไหม การที่เรามีความพยายามที่จะหารายได้เพิ่มขึ้นนั้นแน่นอน มันไม่ง่ายทุกอย่างล้วนต้องใช้เวลาและประสบการณ์ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาแน่นอนอาจจะมีทั้งดีและไม่ดี แต่อย่างน้อยก็ได้ทำ จะมีสักกี่คนที่จะบริหารเวลา ความคิด ที่จะทำสองสิ่งในเวลาเดียวกันได้ 

จะเริ่มต้นยังไงดี…..??

แน่นอน ทุกคนต้องคิดแล้วละว่าจะทำงานเสริมจะทำอะไรดี จะเริ่มต้นทำอะไรดี สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ ค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบและมีความถนัด อาจจะเริ่มต้นทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และมีความถนัด อาจจะทำเป็นงานเสริมหรือเป็นงานประจำก็ได้ เช่น บางคนชอบแต่งตัว บางคนชื่นชอบการทำขนม บางคนชอบทำงานเย็บปักถักร้อย ชอบงานแฮนด์เมด ชอบดื่มกาแฟ และอีกหลายๆอย่าง และ เมื่อเรารู้ว่าเราชอบทำอะไร ถนัดทำอะไรก็ ลองคิดดูว่าเรา ทำอะไรได้บ้างมีทักษะในการทำอะไร เช่น มีทักษะในการทำงานแฮนด์เมด มีทักษะในการทำกาแฟ การถ่ายรูป การทำขนม เมื่อเรารู้ว่าเรามีทักษะในด้านไหนเราก็ใช้ให้มันเป็นประโยชน์ เป็นการปูทางให้กับเราในการหารายได้เสริมด้วย

จัดสรรเวลา เงิน และลงมือทำ แม้ว่าเราอาจจะยังมีองค์ประกอบไม่ครบถ้วน การจัดสรรเวลา และเงินทุนก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรจะวิธีการเสริมทักษะด้วยการศึกษาหาข้อมูล เพิ่มเติมเพื่อให้มีแนวทางในการทำมากขึ้น แต่ที่สำคัญ คือการลงมือทำ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ไม่ต้องรีบร้อน เราจะได้หาแนวทางของเราได้ หรือ อาจจะลองทำงานเย็บปักถักร้อย ให้เพื่อน ให้คนรู้จัก แล้วตั้งใจทำงานให้เหมือนทำให้กับลูกค้า แค่นั้นก็คือว่าได้เปิดโอกาสให้กับผลงานของเรา โดยบอกต่อ ๆ กันไป ว่า ผลงานชิ้นนี้ได้มาจากไหน โดยการแนะนำต่อ ๆ กันมา