[ชวนอ่าน] คนที่เราควรใจด้วยที่สุดก็คือตัวเราเอง

บทความ โดย Dok Talom หนังสือฝุ่น ๆ กับคุณวันพฤหัสฯ วันนี้ จะพาไปทำความรู้จักกับคำว่า “รักตัวเอง” ผ่านหนังสือที่ชื่อว่า “คนที่เราควรใจดีด้วยที่สุดก็คือตัวเราเอง” หนังสือเล่มนี้เห็นครั้งแรกโดนสะกดทันทีที่ภาพประกอบหนังสือและชื่อหนังสือ ส่วนคนเขียนสารภาพเลยว่ายังไม่เคยอ่านผลงานของนักเขียนกลุ่มนี้เลย ได้แต่เห็นผ่าน ๆ ตามร้านหนังสือ แต่หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ฉันคิดว่าถึงเวลาไปตามหางานของเขามาอ่านแล้วล่ะ เพราะแต่ล่ะท่านเขียนและถ่ายทอดออกมาดีมาก ๆ เลยบางบทมันโดนใจและแอบน้ำตาซึม ซึ่งเล่มนี้เหมือนเป็นงานรวมนักเขียนคุณภาพของสำนักพิมพ์เลยค่ะ “การรักตัวเองไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัวหรอก การเห็นแก่คนอื่นจนสูญเสียตัวตนไป น่าเศร้ากว่ามาก”  บ้านข้างๆ Advertisement “คนที่เราควรใจดีด้วยที่สุดก็คือตัวเราเอง” เป็นหนังสือจากสำนักพิมพ์ Springbooks ซึ่งหนังสือส่วนใหญ่ของสำนักพิมพ์เป็นหนังสือ ฮิลใจ สำหรับคนในยุคนี้ ถ้าเปรียบเป็นยาก็เป็นเหมือนยาสามัญประจำบ้านที่ควรมีติดไว้ในชั้นหนังสือ เผื่อวันไหนที่หัวใจอ่อนหล้าหรือเจ็บปวด หนังสือเหล่านี้จะช่วยเราให้ผ่านพ้นช่วงเวลานั้นไปได้นะคะ เริ่มจากเล่มนี้เลยก็ได้ค่ะ “คนที่เราควรใจดีด้วยที่สุดก็คือตัวเราเอง” และฉันว่าประโยคนี้ เราควรย้ำกับตัวเองบ่อย ๆ ด้วยค่ะ เพราะเชื่อมั้ยว่าคนที่ใจดีส่วนใหญ่นั้น มักจะใจดีกับคนอื่นได้เสมอแต่กับตัวเองมักจะหลงลืมและแอบใจร้ายกับตัวเองบ่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว อย่างเช่น ให้เวลากับคนรอบข้างได้เสมอ แต่พอถึงตัวเองกลับบอกว่าเอาไว้ก่อนยังไม่รีบหรือค่อยไปหรือทำวันอื่นได้ แต่กว่าจะรู้ตัวเวลาก็เหลือน้อยลงไปทุกที “บทเรียนที่ทำให้เรารักตัวเองมากขึ้น มักเกิดขึ้นภายหลังที่เราปราศจากความรักในตัวเอง”Once             ในหนังสือจะพาเราไปทำความเข้าใจกับคำว่า “รักตัวเอง” […]

[ชวนอ่าน] ฉากรัก ของ เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย

บทความ โดย Dok Talom หนังสือฝุ่น ๆ กับคุณวันพฤหัสฯ วันนี้จะมาแนะนำหนังสือเก่าเก็บที่ตีพิมพ์ออกมาครั้งแรกเมื่อปี 2547 แต่ปกที่ฉันมีเป็นการพิมพ์ครั้งที่ 3 เมื่อปี 2551 และชื่อของ “เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย” นั้น เป็นชื่อที่นักอ่านยุคนั้นต้องรู้จักและเคยอ่านหนังสือของเธอ เพราะเธอมีผลงานเขียนหลายเล่ม ทั้งเขียนให้นิตยสารชื่อดังต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น มติชน แพรวสุดสัปดาห์ ไปยาลใหญ่ และยังเป็นทั้งคนเขียนบทหนังเรื่อง “วัยอลวน 4 ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น” และ “เด็กหอ” อีกทั้งยังมีผลงานแปลหนังสือ และอยู่เบื้องหลัง รายการเจาะใจ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นนักวาดภาพประกอบสีน้ำ เรียกได้ว่าเป็นนักเขียนที่มีผลงานเยอะและมีคุณภาพจริง ๆ “ฉากรัก” เล่มนี้ฉันได้มานานมาก แต่ยังไม่ได้เปิดอ่านสักที จำได้ว่าที่ซื้อมาเพราะภาพประกอบที่เป็นสีน้ำและเคยได้ยินชื่อของ “เพลงดาบบแม่น้ำร้อยสาย” มานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จัก หรือได้อ่านงานเขียนจริง ๆ จัง ๆ สักที กว่าจะได้รู้จักเวลาก็ผ่านไปนานมาก แอบเสียดายเวลาที่หายไปเหมือนกันนะและไม่รู้ว่าจะตามเก็บงานหนังสือเก่าของนักเขียนท่านนี้ได้หมดหรือเปล่า ถ้าได้มาเมื่อไรจะมาชวนอ่านนะคะ Advertisement เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย คือชื่อนามปากกาของคุณ กาเหว่า หรือคุณชลดา เตียวสุวรรณ ซึ่งเธอถือเป็นไอดอลของนักท่องเที่ยวในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ เพราะผลงานของเธอเชื่อว่าถ้าใครได้อ่านเป็นต้องอยากออกไปสัมผัสโลกกว้างกันแน่ ๆ ขนาดฉันที่ได้อ่านผ่านโลกที่ผ่านมาเป็น […]

[ชวนอ่าน] เมื่อตัวเราเล็กลงความสุขก็ใหญ่ขึ้น

เพียงแค่ปรับใจให้เล็กลงเราจะมองเห็นความสุขได้ชัดเจนขึ้น บทความ โดย Dok Talom หนังสือฝุ่น ๆ กับคุณวันพฤหัสฯ วันนี้มีหนังสือที่อ่านง่ายสบาย ๆ เหมาะกับช่วงเวลาที่เราไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือมากนัก เหมือนฉันในช่วงนี้ซึ่งก็ไม่อยากให้ตัวเองห่างหายไปกับโลกของหนังสือจนเกินไปเพราะกองดองนั้น มันก็แอบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงนี้เลยได้แต่หยิบหนังสือที่อ่านง่ายสบาย ๆ แบบ 1-2 ชั่วโมงจบเล่ม และหนังสือเล่มนี้ก็อ่านเพลินมากแป๊บ ๆ ก็จบเล่ม แม้จะอ่านง่ายแต่ก็ได้อะไรจากการอ่านหนังสือเล่มนี้เยอะเลยนะ เมื่อตัวเราเล็กลงความสุขก็ใหญ่ขึ้น เป็นหนังสือที่เหมือนได้พาเราไปชมแกลเลอรี่ภาพถ่ายพร้อมเข้าใจอารมณ์ของถาพถ่ายนั้น ๆ โดยผ่านมุมมองของ ผศ.กิตติชัย เกษมศานติ์ เจ้าของเพจ BigBangkokProject ที่นำเสนอมุมมองในกรุงเทพฯ ในแบบฉบับที่แตกต่างออกไป ซึ่งในหนังสือเล่มนี้จะนำเสนอผ่านตุ๊กตาตัวจิ๋วแสนน่ารักพร้อมฉากหลังที่คุ้นตาแต่กลับให้มุมมองที่เปลี่ยนไป หนังสือเล่มนี้พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Springbooks อีกหนึ่งในสำนักพิมพ์คุณภาพที่ฉันตั้งใจจะตามเก็บและอ่าน (หนังสือน่าอ่านที่ชาตินี้เราจะอ่านกันหมดมั้ยหนอ) เล่มนี้ราคาอยู่ที่ 189 บาท แต่ฉันได้มาตอนไปงานหนังสือเมื่อปีที่แล้วในราคาน่ารักเพราะเป็นหนังสือเก่าพิมพ์เมื่อครั้งแรกเมื่อปี 2557 ยังไงลองหาดูตามงานหนังสือหรือร้านขายหนังสือมือสองหรือในกลุ่มกันนะคะ Advertisement ว่ากันว่า มุมมองของคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา เช่นเมื่อตอนเรายังเป็นเด็กเราอยากจะโตเป็นผู้ใหญ่ เพื่อจะได้มีอิสรภาพในการคิดตัดสินใจหรือได้ไปเที่ยวเล่นได้อย่างใจ แต่พอเราเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่เรากลับอยากกลับไปเป็นเด็ก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีพื้นที่ที่ปลอดภัยมากกว่า และฉันคิดว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับผู้ใหญ่ที่อยากกลับไปเป็นเด็กทุกคน แม้ในความเป็นจริงเราคงไม่สามารถย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กได้อีกครั้ง แต่หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราสามารถย้อนกลับไปเห็นมุมมองตอนเรายังเป็นคนตัวเล็ก ๆ ได้อีกครั้ง เพื่อที่จะทำให้เราตั้งคำถามว่า เราทำอะไรหล่นหายไปกับกาลเวลาที่ผ่านมาหรือไม่ เนื้อหาภายในเล่มจะแบ่งไว้เป็นหมวดหมู่ […]

[ชวนอ่าน] โลกต่างฤดู : ฤดูกาลผ่านมาเพื่อผ่านไป ฤดูในหัวใจก็มีช่วงเวลาของมันเช่นกัน

บทความ โดย Dok Talom หนังสือฝุ่น ๆ กับคุณวันพฤหัสฯ วันนี้ขอปัดหนังสือฝุ่น ๆ ที่อยู่ในกองดองกันบ้าง และแล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่หนังสือเล่มหนึ่ง “โลกต่างฤดู” หนังสือที่ฉันตัดสินใจซื้อมาเพราะชื่อนักเขียน ภาณุ มณีวัฒนกุล ชื่อนี้เป็นชื่อที่ฉันแสนคุ้นเคย เพราะเป็นชื่อนักเขียนคนที่ฉันต้องนึกถึงบ่อยมาก ๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เพราะตัวฉันเอง ได้ตัดสินใจเลือกหนังสือเล่มหนึ่งของเขามาทำโปรเจคใกล้จบ โดยหนังสือเล่มนั้นก็คือ “อารมณ์ดอกไม้” หนังสือที่ดึงดูดฉันเพราะชื่อของมันและต้องมาผูกพันกันตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ฉันก็เริ่มที่จะลืมเลือนความรู้สึกนั้น จนกระทั้งวันหนึ่งได้กลับมาเจอหนังสือเล่มนี้ “โลกต่างฤดู” ฉันเลยถือโอกาสหยิบกลับมาบ้าน และเมื่อได้เปิดอ่านเพียงไม่กี่บท ก็ต้องเก็บเข้ากองดองตามระเบียบ จนถึงวันนี้เอง ที่เริ่มรู้สึกถูกสะกิดเบาๆ ว่า “เปิดอ่านฉันเถอะ” Advertisement โลกต่างฤดู หนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่มีจำนวนหน้าแค่ 135 หน้า พิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2546 เล่มนี้ ฉันอ่านหนังสือที่มีอายุเกือบ 20 ปีเลยเหรอ แน่นอนว่าภาพประกอบในเล่มทั้งหมด ล้วนเป็นหน้าขาวดำ แต่กลับมีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดให้ฉันอยากเปิดอ่านเนื้อหา บวกกับชื่อเรื่องของมัน “โลกต่างฤดู” มันคงเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับชีวิตสินะ ชีวิตที่บางครั้งเราต่างก็หลงลืมที่จะใช้มัน เพราะทุกวันนี้เราแค่ไหลไปกับโลก อะไรเข้ามาก็รับ ฟัง […]

[ชวนอ่าน] Organic 101 : ชีวิตนั้นไม่ง่ายแต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ออแกนิคก็เช่นกัน (ต้องการ)

บทความ โดย Dok Talom หนังสือฝุ่น ๆ กับคุณวันพฤหัสฯ วันนี้จะพาทุกคนไปเปิดโลกของคำว่า Organic (ออแกนิค) กันค่ะ จริง ๆ ฉันมีโอกาสได้รู้จักคำ ๆ นี้ผ่านหนังสือเล่มหนึ่งเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว จากหนังสือ Slow Bookของคุณต้องการ (วลัยกร สมรรถกร) เธอเป็นทั้งนักเขียนและนักวาดภาพประกอบ ผลงานของเธอคุ้นตากันดีจากนิตยสาร a day นิตยสารที่ทุกคนในยุคนั้นต้องรู้จัก แม้วันนี้เธอจะจากโลกนี้ไปแล้วแต่ผลงานดี ๆ ของเธอจะทำให้โลกของใครบางคนดีขึ้นและงานของเธอจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมสืบไป ขออาลัยและขอขอบคุณเธอที่สร้างผลงานที่แสนดีมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ Advertisement จริง ๆ แล้วฉันสนใจกับคำ ๆ นี้มาตั้งแต่ตอนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ แต่ด้วยวิถีชีวิตและวัยในเวลานั้น ทำให้ห่างไกลกับคำ ๆ นี้จริง ๆ แต่ในระหว่างทางนี้เองแม้ฉันจะไม่ได้ยึดหลักการใช้ชีวิตแบบ ออแกนิคอย่างที่ได้อ่านหรือรู้มา แต่ก็เหมือนว่ามันซึมซับอะไรบางอย่างไปจากการอ่านหนังสือเล่มนั้น อย่างเช่น บางทีก็มีโอกาสได้ปลูกผักทานเองบ้าง หรือเลี่ยงผักจากตลาดที่คิดว่าน่าจะใส่สารเคมี โชคดีที่จังหวัดที่ฉันอยู่มีตลาดอินทรีย์อยู่หลายแห่ง เลยได้ทานผักที่ค่อนข้างปลอดสาร (แต่ถ้าเป็นออแกนิคจริง ๆ คือปลูกเองน่าจะดีที่สุด) ส่วนเรื่องอื่น ๆ อย่างการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารเคมีรุนแรงนั้นยังทำไม่ค่อยได้นัก […]

[ชวนอ่าน] dawn ชั่ววูบเข้าใจชีวิตเหมือนแสงที่ริมขอบฟ้า 

เราทุก ๆ คนต่างมีแสงสว่างเป็นของตัวเองเพียงต้องหามันให้เจอ บทความ โดย Dok Talom หนังสือฝุ่น ๆ กันคุณวันพฤหัสฯ วันนี้มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ได้มาแบบงง ๆ จากคำแนะนำของคนขายหนังสือ ว่าเจ้าหนังสือเล่มนี้ดีนะ เป็น 1 คนเขียน 1 คนวาด แต่ตอนนั้นไม่ได้เอะใจอะไรกับประโยคที่คนขายกล่าวไว้ เพราะแอบหลงรักหลายเส้นของภาพประกอบในเรื่องมาสักพักแล้ว เนื่องจากเคยได้รับที่คั้นหนังสือจากภาพปกนี่แหละมาก่อนหน้านี้ มันเป็นภาพที่ดูอบอุ่นปนเหงาและให้ความรู้สึกละมุนใจดี ดังนั้น เลยตัดสินใจพาหนังสือเล่มนี้กลับมาด้วยจากงานหนังสือเชียงใหม่ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อได้เปิดอ่านและทำความรู้จักกันเท่านั้น กลับพบว่า นี่คือหนังสือที่เขียนมาเพื่อฉันเลยล่ะ ^ ^ Advertisement “Dawn ชั่ววูปเข้าใจชีวิตเหมือนแสงที่ริมขอบฟ้า” เป็นหนังสือของสำนักพิมพ์ Full stop ซึ่งต้องขอชื่นชมการทำหนังสือของสำนักพิมพ์นี้เลย เพราะใส่ใจทุกรายละเอียดจริง ๆ อย่างเล่มนี้ก็ใช้เทคนิคการเย็บปกที่เปลือยให้เห็นด้านใน ซึ่งฉันชอบวิธีการนี้มาก มันทำให้เรากางหนังสือได้เต็มทีโดยไม่ต้องกลัวจะทำให้หน้ากระดาษหลุดออกมา โดยหนังสือของสำนักพิมพ์ทุกเล่มนั้น เปรียบเสมือนผลงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่ควรค่าแก่การเก็บสะสม ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา ภาพประกอบ รูปเล่ม หรือแม้แต่เนื้อกระดาษที่ใช้ก็ให้ความสำคัญ เมื่อทุกอย่างรวมกันมันจึงเป็นหนังสือที่เห็นแล้วรู้ทันทีว่าทุก ๆ คนที่มีส่วนในการทำหนังสือเขาตั้งใจทำกันจริง ๆ และเราสัมผัสถึงมันได้ ผ่านหนังสือที่อยู่ตรงหน้าขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่มีส่วนร่วมกันสร้างหนังสือดี ๆ ให้คนอ่านกันนะคะ “รักตัวเองให้เป็น” ประโยคที่ใครหลาย ๆ […]

[ชวนอ่าน] แมวและฉันในวันธรรมดา : เมื่อโลกของเธอเริ่มหมุนรอบแมว ทุกๆ วันจะกลายเป็นวันพิเศษ

บทความโดย Dok Talom หนังสือฝุ่นๆ กับคุณวันพฤหัสฯ วันนี้จะขอลัดคิวหนังสือทุกเล่มที่ซื้อมาจากงานหนังสือและก็แอบรู้สึกผิดกับบรรดาหนังสือที่อยู่ในกองดองรอให้ฉันปัดฝุ่นอ่านพวกนางอยู่ เพราะเทใจให้กับเล่มนี้มาก ๆ “แมวและฉันในวันธรรมดา” เริ่มต้น แค่ปกก็สะดุดตามาก ๆ กับภาพประกอบที่เรียบง่ายแต่ดูมีอะไรแอบซ่อนอยู่ในเล่มนี้ บวกกับชื่อของหนังสือแล้วนั้น เงินในกระเป๋าก็สั่นอย่างแรงและกระซิบบอกกับตัวฉันเองว่า “โปรดปล่อยฉันออกไปและรับหนังสือเล่มที่อยู่ตรงหน้ามาแทน” (เป็นตุเป็นตะจ้า 55+) เห็นอะไรเป็นแมวหน่อยไม่ได้เลยนะ ยายทาสแมว >_< “แมวและฉันในวันธรรมดา”เป็นหนังสือแปลของเกาหลี จากสำนักพิมพ์ Bibli ผู้เขียนคือคุณ แอ-ซยุง แปลโดยคุณ วีรญา กังวานเจิดสุข มีทั้งหมด 208 หน้า ราคาปก 255 บาท และนักวาดภาพประกอบก็เป็นคนเดียวกับผู้เขียนเลยคือ คุณแอ-ซยุง ซึ่งฉันมารู้ที่หลังว่าเธอคือคนวาดคนเดียวกันกับหนังสือเรื่อง “ที่จริงแล้วฉันเป็นคนเก็บตัวนะ” หนังสืออีกเล่มที่รอให้ฉันปัดฝุ่นออกมาอ่าน ไว้อ่านเสร็จเมื่อไรจะมาชวนอ่านกันนะคะ Advertisement ส่วนตัวแล้วชอบลายเส้นของเธอคนนี้มาก เป็นลายเส้นที่เรียบง่ายแต่ดูแล้วก็อบอุ่นหัวใจ ฉันเลยไปแอบส่องไอจีเธอคนนี้มา ปรากฏว่าเธอเป็นผู้หญิงน่ารักจริง ๆ จ้า และในนั้นเราก็ได้เจอเจ้ามิวมิว ซึ่งออกมาทักทายเป็นระยะ ๆ แถมยังได้ชมงานศิลปะในไอจีของเธอด้วย ยังไงก็ไปติดตามความน่ารักของเธอและแมวของเธอได้ที่นี่เลยจ้า ae_shoong หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านง่าย อ่านสบายเหมาะกับวันธรรมดา ๆ […]

[ชวนอ่าน] พาเที่ยวงานหนังสือที่เชียงใหม่พร้อมหนังสือเล่มใหม่ (เข้ากองดองจ้า)

บทความโดย Dok Talom หนังสือฝุ่น ๆ กับคุณในวันพฤหัสฯ วันนี้จะพาไปเที่ยวชมบรรยากาศของงานเชียงใหม่บุ๊คแฟร์ที่ผ่านมากันค่ะ ก่อนอื่นต้องขออภัยที่หายหน้าหายตาไปสองสัปดาห์ และวันนี้ก็มาตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะเอาบรรยากาศงานหนังสือและหนังสือที่สอยกลับมาเพิ่มกองดองของฉันมาฝาก มีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันเลยนะคะ ความตั้งใจแรกว่าจะไปงานหนังสือ 2 วันแต่ด้วยติดภารกิจหลายอย่างเลยทำให้สิ่งที่วางแผนไว้ไม่เป็นดั่งที่วางไว้ จึงไปได้แค่ 1 วัน ซึ่งถือเป็น 1 วันที่คุ้ม เพราะปีนี้เตรียมตัวมาค่อนข้างดี (สามารถกลับไปอ่านวิธีเตรียมตัวไปงานหนังสือได้ที่บทก่อน ที่นี่ เลย) แม้จะได้หนังสือที่ไม่ได้ลดราคามาเยอะ แต่ก็ได้เล่มที่อยากอ่านกลับมาด้วยความรู้สึกปลื้มปริ่ม และได้ใช้ช่วงเวลาหนึ่งกับสิ่งที่รัก (ได้เสียเงินนั่นเองจ้า) ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้เติมความสุขหลังจากที่เหนื่อยกับอะไรหลายๆ อย่างที่พบเจอมา บรรยากาศภายในงานปีนี้ก็คล้าย ๆ กับทุกครั้ง คือมีบรรดาหนังสือลดราคาที่ถูกสุดอยู่ที่เล่มละ 20 ซึ่งเป็นหนังสือเก่า ใครที่ตามหาหนังสือเก่าที่หาไม่ได้แล้วตามร้านหนังสือก็มาค้นกันได้ตรงนี้ และยังมี เล่ม 35 และ 50 ที่ถือว่าเป็นกองที่สนุกเหมือนเราได้ตามหาสมบัติกันเลยทีเดียวจ้า ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือลด 50% และถ้าเป็นหนังสือใหม่จะลดอยู่ที่ 15 – 20% ซึ่งหนังสือบางเล่มก็ลดพอ ๆ กับร้านหนังสือแต่ที่พิเศษคือเราจะได้ของแถมจากงานนี้ด้วย Advertisement แม้วันนี้ผู้คนจะบางตาเพราะเป็นวันธรรมดา แต่ก็ถือว่าชื่นใจที่ยังมีคนชอบอ่านหนังสือกันอยู่โดยเฉพาะเด็ก ๆ รุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจในการอ่านหนังสือกันและมีหนังสือเล่มหนึ่งที่ฉันได้มาแบบงง ๆ […]

[ก เอ๋ย ก ไก่] มาสนุกกับโอกาสกันเถอะ

สวัสดี “เจ้าโอกาส” ใช่ค่ะทุกคน วันนี้ปุณปั้นจะมาแนะนำหนังสือนิทานสำหรับเด็ก ๆ เพื่อมีไว้ให้เด็ก ๆ ที่บ้านอ่านกัน หรือ คุณพ่อคุณแม่อาจจะอ่านให้เด็ก ๆ ฟังก็ได้ค่ะ หนังสือนิทานที่จะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นก็ คือ “มาสนุก กับ โอกาสกันเถอะ” โดยเป็นผลงานของ โคบิ ยามาดะ แต่งเรื่อง และ เม บีซอม วาดภาพ หนังสือเรื่อง “มาสนุก กับ โอกาสกันเถอะ” เป็นหนังสือที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวแค่ชื่อเรื่องก็น่าสนใจแล้ว แถมยังเป็นการฝึกให้เด็ก ๆ รู้จักคำว่า “โอกาส” ด้วยเพราะถ้าหากเราอธิบายให้ลูก ๆ ของเราฟังอย่างเดียว เขาก็อาจจะไม่ค่อยเข้าใจกันสักเท่าไหร่ ว่าความหมายของคำว่า “โอกาส” คืออะไร ดังนั้นเราที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ ก็เหมาะเจาะเลยที่จะนำหนังสือเล่มนี้มาอ่านให้เด็ก ๆ ฟัง มาเริ่มกันเลยค่ะ Advertisement       เนื้อหาของหนังสือเรื่องนี้จะเริ่มเล่าโดยมีตัวละครเด็กผู้ชาย ซึ่งเป็นคนเล่าเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา และทำไมเขาถึงต้องใช้โอกาส ตัวละครเด็กผู้ชายคนนี้จะเล่าถึงการได้รับโอกาสต่าง ๆ นา ๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา […]

(ชวนอ่าน) : โดรายากิขนมนี้ทำด้วยใจ 

ปลดปล่อยใจให้เป็นอิสรภาพและทำทุก ๆ อย่างด้วยหัวใจ บทความ โดย Dok Talom หนังสือฝุ่น ๆ กับคุณวันพฤหัสฯ วันนี้จะชวนเพื่อน ๆ นักอ่าน ไปทำความรู้จักกับขนมแสนโปรดของเจ้าโดราเอมอน แมวน้อยตัวสีฟ้าอ้วนกลม ตัวการ์ตูนสุดโปรดของใครหลายๆ คน รวมถึงฉันด้วยเพราะโตมากับการ์ตูนเรื่องนี้เลย และนั่นเองที่ทำให้ฉันรู้จักกับขนมโดรายากิมาตั้งแต่จำความได้ แต่ในเวลานั้น เจ้าขนมนี้กลับไม่มีให้ได้ลิ้มลอง จนมาได้สัมผัสรสชาติก็ตอนโตขึ้นมาหน่อยนี่แหละ แต่… มันก็ไม่ได้อร่อยจนถึงขั้นต้องคลั่งไคล้เหมือนเจ้าโดราเอมอนสักหน่อย 55+ หรือว่าขนมที่เราได้กินครั้งแรกในตอนนั้นมันอาจไม่ได้อร่อยหรือตรงตามต้นฉบับญี่ปุ่นจริง ๆ ก็ได้นี่เนอะ Advertisement เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบ สิ่งแรกที่นึกได้คือ อยากกินขนมโดรายากิที่ทำขึ้นด้วยใจจริง ๆ เลย มันน่าจะมีอยู่จริง ๆ ที่ญี่ปุ่น ซึ่งมานึกดูแล้ว เราก็ได้ไปถึงที่แต่ทำไมเราถึงไม่ได้นึกถึงมันเลยก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราะขนมที่ญี่ปุ่นมีมากมายจนหลงลืมเจ้าขนมชนิดนี้ไปได้ บางทีการที่ได้อ่านหนังสือสักเล่ม ก็ทำให้เราได้ย้อนหรือทบทวนความรู้สึกที่เคยซ่อนอยู่ลึก ๆ ในหัวใจ ให้ออกมารู้สึกถึงมันอีกครั้ง เหมือนได้ปลุกอะไรบางอย่าง โดยสิ่งนั้นก็คือ “เด็กน้อยคนหนึ่ง” ที่ตื่นเต้นและสนุกสนานไปกับทุก ๆ เรื่องที่ผ่านเข้ามาให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และขนมโดรายากิที่ว่ามันคือขนมญี่ปุ่นที่นำเอาแป้งแพนเค้กเนื้อนุ่มสองแผ่นมาประกบกับไส้ซึ่งทำมาจากถั่วแดงกวนอันแสนหอมละมุน เรียกได้ว่าเป็นขนมลูกครึ่งตะวันตกและตะวันออกชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้ ^.^ มาด้วยเรื่องหนังสือกัน โดรายากิขนมนี้ทำด้วยใจ […]

1 2