บทความโดย Dok Talom
อาจเป็นเพราะชื่อหนังสือและภาพประกอบหน้าปกที่สะดุดสายตาของฉัน ตอนเลื่อน ๆ โทรศัพท์อย่างไร้จุดหมายอยู่นั้น ฉันหยุดและเริ่มค่อย ๆ โฟกัสกับเจ้าหนังสือเล่มนี้ “โกโก้อุ่น ๆ กับคุณในวันพฤหัส” พออ่านชื่อเรื่องก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก บวกกับภาพประกอบที่ใช้โทนสีอุ่น ๆ และการนำเอาฟิกเกอร์ตัวจิ๋วมาถ่ายทอดเรื่องราว พอเห็นแล้วก็มีความรู้สึกว่ามันคือหนังสือที่ฉันต้องอ่านให้ได้ และนี่ถือเป็นการซื้อหนังสือมือสองจากกลุ่มขายหนังสือมือสองในเฟสบุ๊คครั้งแรกของฉัน ที่เอาจริง ๆ ฉันก็สิงอยู่ในนั้นนานหลายปีแต่ไม่เคยได้สั่งเลยดังนั้นครั้งนี้คงถึงเวลา ได้ฤกษ์งามยามดีสักทีเนอะ และแน่นอนที่มาของคอลัม “หนังสือฝุ่น ๆ กับคุณวันพฤหัสฯ ก็ได้ดัดแปลงมาจากชื่อหนังสือนี้ด้วยค่า (ฉันเป็นสาววันพฤหัสฯ)
Advertisementแม้จะเป็นหนังสือมือสอง แต่สภาพนั้น ก็ไม่ต่างจากมือหนึ่งเลยนะ แถมราคายังน่ารัก เล่มนี้ราคาปกอยู่ที่ 225 บาท แต่พอเป็นมือสองจึงได้มาในราคาเพียง 170 บาท ซึ่งพอบวกค่าขนส่งแล้วก็ยังถือว่าถูกกว่าไปซื้อตามร้านขายหนังสืออยู่ดี เมื่อทำการพูดคุยกับทางเจ้าของหนังสือแล้วก็พบว่ามีเพจคลังหนังสืออีกมากมาย มีทั้งมือหนึ่งและมือสอง ยกตัวอย่างเช่น ชื่อเพจ FindNget Bookstore ลองไปกดติดตามกันดูนะ เผื่อจะได้หนังสือเล่มที่ถูกใจในราคาสบายกระเป๋ากันค่ะ
มาต่อกันที่หนังสือดีกว่า พอหนังสือเดินทางมาถึงมือก็แกะอ่านคืนนั้นเลย แต่ก็อ่านไม่จบเล่มสักที ไม่ใช่ว่าหนังสือไม่น่าอ่านหรือไม่สนุกหรอกนะ แต่ติดที่ตัวฉันเองนี่แหละที่ ชอบหาข้ออ้าง (การดอง) หนังสือจนเป็นนิสัยเอาจริง ๆ แล้วก็กำลังแก้นิสัยนี่อยู่จ้า หนังสือเล่มนี้จึงได้อ่านจบภายในไม่กี่ชั่วโมงเมื่อคืนนี้เอง >_< มันเป็นการรีวิวที่สด ๆ ร้อน ๆ เหมือนโกโก้ที่กำลังอุ่นได้ที่ เรามาค่อย ๆ จิบกันนะ
“โกโก้อุ่น ๆ กับคุณในวันพฤหัสฯ” เป็นหนังสือแปลของสำหนักพิมพ์ PICCOLO เขียนโดยคุณมิจิโกะ อาโอยามะ ที่มาถ่ายทอด 12 เรื่องราวของผู้คนในประเทศญี่ปุ่นสลับกับออสเตรเลีย ซึ่งทุกเรื่องนั้นแม้จะเป็นคนล่ะตอนแต่ทุกเรื่องกับเชื่อมต่อกันได้อย่างลงตัว ตั้งแต่เรื่องของคุณโกโก้ พนักงานร้านกาแฟที่ตกหลุมรักลูกค้าประจำสาวสวย หรือเรื่องของคุณแม่ที่หัดทำข้าวกล่องครั้งแรกให้ลูกชายตัวน้อย ถัดมาก็เป็นเรื่องของคุณครูมือใหม่ที่ต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่างจากรุ่นพี่แสนเนี้ยบ และอีกมากมายหลายเรื่องที่ค่อย ๆ เสิร์ฟมาให้เราได้ลิ้มรสชาติ จะว่าเปรียบเหมือนจิบโกโก้อุ่น ๆ ก็ว่าได้ เพราะเรื่องราวทุกเรื่องราวแรก ๆ มีปมบางอย่าง อาจเปรียบเหมือนรสชาติที่ขมแต่พอได้อ่านไปแล้ว กลับหวานละมุน เหมือนเรื่องราวต่าง ๆ ค่อย ๆ ได้รับการคลี่คลายและเยียวยาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก ๆ
ความน่าสนใจอีกอย่างของหนังสือเล่มนี้คือ การใช้สีมาผสมกับแต่ล่ะเรื่อง ถือว่าเป็นการนำเสนอที่น่าสนมจและน่าสนุกเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะสีแต่ล่ะสีนั้น ให้ความรู้สึกที่แตกต่างแต่ชัดเจนในตัวเอง อย่างการแทนค่า “สีส้ม” ของคุณเจ้าของร้านขายแซนวิชว่ามีบุคลิกแบบไหน“เป็นสีที่สนุกสนาน ไม่ดูมั่นอกมั่นใจเท่าสีแดง ไม่โดนเด่นพิลึกเหมือนสีเหลือง คอยต้อนรับผู้คนด้วยความร่าเริง ช่วยให้รู้สึกแจ่มใสและสบายใจ” ร้านขายแซนวิชแห่งนี้จึงคอยเติมเต็มผู้คนที่แวะเวียนมาฝากท้องที่ไม่เพียงแค่อิ่มท้องแต่กลับอิ่มใจได้อย่างน่าประหลาด
สำหรับส่วนที่ฉันประทับใจที่สุดนั้น ก็คงจะเป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่หลงใหล “สีเขียว”เพียงสีเดียว เธอเปรียบเหมือนตัวแทนของคนส่วนน้อยบนโลกใบนี้เพราะความรักและชอบที่ไม่เหมือนใคร จึงถูกสังคมประเมินว่าเธอแปลกประหลาดไปจากคนอื่น แต่สำหรับฉันแล้วเธอเป็นหญิงสาวที่เท่ห์สุด ๆ เลยแหละ เพราะเธอยึดมั่นในสิ่งที่เธอรักและเป็นแม้จะต้องพบเจอกับความเจ็บปวดจากความแตกต่างนี้แต่เธอก็ไม่ไหวเอน ทำสิ่งที่รักจนวันหนึ่งมีคนเห็นคุณค่าในสิ่งที่เธอทำ ซึ่งบทนี้ตอนจบฉันก็ยังมึน ๆ เอาเป็นว่าไปติดตามอ่านกันได้นะ ถ้าบอกมากกว่านี้จะไม่สนุกเอาจ้า
ส่วนเรื่องของคุณโกโก้พนักงานมาร์เบิ้ลคาเฟ่ สถานที่แรกซึ่งนำเข้าสู่อีกหลากหลายเรื่องราวนั้น ทำให้ฉันนึกถึงความรักของเพื่อนสนิทที่เกิดขึ้นในร้านกาแฟเหมือนกัน และเธอก็เรียกชายหนุ่มคนนั่นว่า “คุณเอสเปรสโซ่” ผู้ชายคนนั้นในเวลานี้กลายเป็นคุณสามีและคุณพ่อที่แสนดีและอบอุ่นของเพื่อนและหลานของฉันไปแล้ว ซึ่งแต่ล่ะบทในเล่มนี้อาจตรงหรือคล้าย ๆ กับชีวิตของใครบางคน ยังไงลองหามาอ่านกันดูนะ ฉันว่ามันเหมาะมาก ๆ เลยกับการอ่านแกล้มโกโก้อุ่น ๆ หรือกาแฟสักแก้ว ในวันที่ชีวิตต้องการความหอมหวาน หนังสือเล่มนี้ช่วยคุณได้นะ