[ชวนอ่าน] วันที่เหมาะกับขนมปัง ซุป และแมว…

ในวันที่หนาวเหน็บชีวิตอาจไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าไออุ่นจากขนมปัง ซุป และแมว

บทความ โดย Dok Talom

หนังสือฝุ่น ๆ กับคุณวันพฤหัสฯ ในวันนี้จะเอาหนังสือที่ฝุ่นแอบเกาะอีกเล่มมาแนะนำซึ่งเล่มนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันอ่านได้แค่ครึ่งเล่ม (อีกแล้ว) >_< เล่มนี้สะดุดกับชื่อหนังสือเพราะมีคำว่า “แมว” เพราะฉันเป็นหนึ่งในทาสแมวจ้า และภาพประกอบก็ชวนให้อบอุ่นหัวใจตามสไตล์ญี่ปุ่น โดยภาพประกอบนี้วาดโดย Jiranarong ศิลปินคนไทยเจ้าของลายเส้นคุณหมีตัวสีขาวนั่นเอง และหนังสือเล่มนี้ ก็เป็นหนังสือเปิดตัวเล่มแรกของสำนักพิมพ์ Sandwich Publishing สำนักพิมพ์ที่ออกหนังสือปีล่ะเล่ม แต่ทุกเล่มนั้น อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ และแน่นอนว่า ฉันต้องเก็บให้ครบทุกเล่มแน่ ๆ สัญญามา ณ ที่นี้ ^_^

Advertisement
(หนังสือทั้งสามเล่มของสำนักพิมพ์ที่ฉันจะต้องตามเก็บให้ครบ Cr. ภาพจากเพจของสำนักพิมพ์ Sandwich)

“วันที่เหมาะกับขนมปัง ซุป และแมว” เป็นหนังสือแปลของนักเขียนชาวญี่ปุ่นชื่อคุณมูเระ โยโกะ ในหนังสือเล่มนี้ เรื่องราวทั้งหมดจะพาเราเข้าไปในโลกของหญิงคนหนึ่งวัยกลางคน อายุ 53 ปี ที่ชื่อว่าคุณอากิโกะ ที่ตัดสินใจลาออกจากงานที่มั่นคง มาเปิดร้านอาหารของตัวเอง (ร้านแซนวิชและซุป)  ที่มีฉากเบื้องหลังเป็นร้านอาหารเก่าของคุณแม่ผู้จากไปอย่างกระทันหัน ซึ่งเรื่องราวตรงนี้แหละเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดในเล่ม แม้พ็อตเรื่องจะดูเรียบ ๆ ออกจะน่าเบื่อเสียด้วยซ้ำในตอนแรก ๆ เพราะคนเขียนค่อย ๆ พาเราไปทำความรู้จักอุปนิสัยใจคอ การดำเนินชีวิตอันแสนเรียบง่ายของคุณอากิโกะ ซึ่งพอเราได้ทำความรู้จักเธอแล้วเราก็เริ่มหลงรักเธอและพบว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สุดยอดอีกคนหนึ่ง ทีนี้เราก็จะคอยมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร และสุดท้ายน้ำตามันก็ไหลออกมาประหนึ่งว่าเธอผู้นี้เป็นเพื่อน พี่สาว หรือคุณอาของเราเลยทีเดียว ที่บอกว่าน้ำตาไหลก็ขอแอบสปอย์นิดหนึ่งว่าเรื่องราวมันอาจมีให้เสียน้ำตาอยู่บ้าง สำหรับบางคนที่เคยพบเจอกับเหตุการณ์ที่คล้าย ๆ กับในเรื่องก็จะมีอารมณ์ร่วมไปด้วย เตรียมหาทิชูไว้ใกล้ ๆ ตัวก็ดีนะ

T^T

(ภาพประกอบลายเส้นน่ารักของคุณ Jiranarong ที่มาทักทายเราในแต่ล่ะบทช่วยให้เราจิตนาการได้ง่ายขึ้น)

 

เรื่องนี้จะทำให้เราเห็นอีกแง่มุมหนึ่งของผู้หญิงโสดที่ไม่ได้แต่งงานในญี่ปุ่น ว่าพวกเธอต้องพบเจอกับอะไรนอกจากความโดดเดี่ยว และเธอจัดการอย่างไรให้ชีวิตเธอผ่านพ้นแต่ล่ะวันไป ซึ่งในบางวันก็แสนจะเรียบง่าย ซึ้อของเข้าร้าน เตรียมวัตถุดิบ เปิดร้าน ทักทายลูกค้า ปิดร้าน และเข้านอนไปพร้อมกับเจ้าเหมียว แต่บางวันก็กลับนักหนาเสียจนคิดว่าถ้าเป็นเราจะผ่านเรื่องเหล่านี้ไปได้มั้ย และเรื่องนี้เราก็จะพบกับความน่ารักของเจ้าเหมียว “ทาโระ” แมวลายสลิดตัวโต ที่คอยแวะมาทักทายเราตลอดเรื่อง น้องน่ารักมากผู้เขียนเก่งมากที่ทำให้เรารู้สึกว่าเจ้าทาโระ มีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ เลย สำหรับทาสแมวบอกเลยว่า “ห้ามพลาด” นะเรื่องนี้

(เจ้าเหมียวทาโระและคุณอากิโกะ ตัวแทนทาสแมวอย่างแท้จริง)

หนังสือเล่มนี้ถือเป็นหนังสือเล่มแรกที่ตัวเอกเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ฉันได้อ่าน ทำให้ฉันได้รู้ว่าบางทีพวกผู้ใหญ่ก็ต้องเผชิญเรื่องราวที่ยากลำบากกันอยู่เสมอ และในทุก ๆ ช่วงเวลาของชีวิตคน ก็ต้องพบเจอกับเรื่องต่าง ๆ ที่ทำให้หัวใจเราแหลกสลายได้ทุกเมื่ออย่างที่คุณอากิโกะเจอ “ที่บอกกันว่าเวลาจะช่วยคลายความโศกเศร้านั้นเป็นเรื่องโกหก ความเศร้าบางประเภทก็รุนแรงขึ้นกว่าเพราะเวลาผ่านไป” อ่านถึงบรรทัดนี้ฉันพยัคหน้าเห็นด้วยเบา ๆ มันทำให้เรารู้ว่า ไม่ได้มีแต่เรานะที่จัดการกับความโศกเศร้าบางเรื่องไม่ได้ มันป็นเรื่องธรรมดาของความเศร้าที่ทุก ๆ คนต้องพบเจอสักครั้งหนึ่งในชีวิตและเราจะผ่านมันไปได้ แม้ไม่ได้สวยงามแต่มันจะผ่านพ้นไปในที่สุด

(คำโปรยปกหน้าที่ทำให้เราตั้งคำถามว่าความสุขเล็ก ๆ ของเราคืออะไร)

เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบ นอกจากเราจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นแล้ว เราจะได้ลิ่มรสชาติหอม ๆ ของขนมปัง (แซนวิซ) และซุป ที่คุณอากิโกะตั้งใจทำจานต่อจานให้ลูกค้าของเธอ ทำให้เราเข้าใจคนญี่ปุ่นที่ตั้งใจทำอาหารจานหนึ่งมาเสริฟให้ลูกค้ากิน ว่าพวกเขาใส่ใจรายละเอียดขนาดไหน จนทำให้อยากกลับมาให้รายละเอียดที่เล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตการทำงานของเรามากขึ้น เรียกได้ว่าอ่านแล้วทำให้คิดตาม อย่างประโยคคำโปรยหน้าปกที่ว่า “การที่มีคนหัวเราะเรื่องไม่เป็นเรื่องไปด้วยกันได้นั่นคือความสุข” บางทีความสุขก็เป็นสิ่งที่เรียบง่ายนะ อย่างการได้กินไอศรีมหวาน ๆ เย็น ๆ ในวันที่อากาศร้อน หรือการได้ลูบขนเจ้าแมว (เจ้านายของเรา) แล้วมันส่งเสียงแสดงความพอใจ นี่ถือเป็นความสุขเล็ก ๆ ของฉันเลยนะ แล้วความสุขเล็ก ๆ ของคุณล่ะคืออะไร???