บทความ โดย Dok Talom
หนังสือฝุ่น ๆ กับคุณวันพฤหัสฯ วันนี้จะมาแนะนำหนังสือเก่าเก็บที่ตีพิมพ์ออกมาครั้งแรกเมื่อปี 2547 แต่ปกที่ฉันมีเป็นการพิมพ์ครั้งที่ 3 เมื่อปี 2551 และชื่อของ “เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย” นั้น เป็นชื่อที่นักอ่านยุคนั้นต้องรู้จักและเคยอ่านหนังสือของเธอ เพราะเธอมีผลงานเขียนหลายเล่ม ทั้งเขียนให้นิตยสารชื่อดังต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น มติชน แพรวสุดสัปดาห์ ไปยาลใหญ่ และยังเป็นทั้งคนเขียนบทหนังเรื่อง “วัยอลวน 4 ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น” และ “เด็กหอ” อีกทั้งยังมีผลงานแปลหนังสือ และอยู่เบื้องหลัง รายการเจาะใจ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นนักวาดภาพประกอบสีน้ำ เรียกได้ว่าเป็นนักเขียนที่มีผลงานเยอะและมีคุณภาพจริง ๆ

“ฉากรัก” เล่มนี้ฉันได้มานานมาก แต่ยังไม่ได้เปิดอ่านสักที จำได้ว่าที่ซื้อมาเพราะภาพประกอบที่เป็นสีน้ำและเคยได้ยินชื่อของ “เพลงดาบบแม่น้ำร้อยสาย” มานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จัก หรือได้อ่านงานเขียนจริง ๆ จัง ๆ สักที กว่าจะได้รู้จักเวลาก็ผ่านไปนานมาก แอบเสียดายเวลาที่หายไปเหมือนกันนะและไม่รู้ว่าจะตามเก็บงานหนังสือเก่าของนักเขียนท่านนี้ได้หมดหรือเปล่า ถ้าได้มาเมื่อไรจะมาชวนอ่านนะคะ
Advertisement
เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย คือชื่อนามปากกาของคุณ กาเหว่า หรือคุณชลดา เตียวสุวรรณ ซึ่งเธอถือเป็นไอดอลของนักท่องเที่ยวในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ เพราะผลงานของเธอเชื่อว่าถ้าใครได้อ่านเป็นต้องอยากออกไปสัมผัสโลกกว้างกันแน่ ๆ ขนาดฉันที่ได้อ่านผ่านโลกที่ผ่านมาเป็น 20 กว่าปีที่แล้ว ยังอยากออกเดินทางตามรอยของเธอเลย
แม้ในเล่มจะหนักไปทางประเทศอินเดีย แต่ก็ยังมีประเทศแถบยุโรปและญี่ปุ่นอยู่บ้าง อย่างฉากรักหนึ่ง (บทหนึ่ง) ที่เขียนถึง ห้องสมุดอูรายะสุ ห้องสมุดประชาชนซึ่งเป็นห้องสมุดในฝันของใครหลาย ๆ คน เพราะมีหนังสือมากมายให้เลือกอ่านแถมยังมีมุมหนังสือสำหรับเด็กซึ่งต้องยอมรับว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปลูกฝังการอ่านให้กับประชาชนตั้งแต่เด็ก ๆ ประเทศญี่ปุ่นจึงถือว่าเป็นประเทศที่คนอ่านเยอะอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้

นอกจากจะได้อ่านถึงฉากรัก (สถานที่ท่องเที่ยวแสนประทับใจ) แต่ละที่ของคุณเพลงดาบแม่น้ำร้อยสายแล้ว เรายังได้เพลินกับผลงานสีน้ำที่เป็นภาพประกอบแต่ละสถานที่ ซึ่งชวนให้เราจินตการถึงสถานที่จริง ๆ แม้มันจะผ่านมาแล้วหลายสิบปี บางที่ก็ทำให้เราอยากรู้ว่าตอนนี้มันจะเปลี่ยนไปมั้ย
อย่างเช่น ฉากหนึ่งที่พูดถึงวัดเซนโซจิ หรือวัดโคมแดง ซึ่งฉากนี้ทำให้ฉันคิดถึงมัน เพราะเป็นสถานที่ที่ฉันไปเยือนถึง 2 ครั้งและไปแต่ล่ะครั้งก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันทุกครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือต้องแวะไปกินร้านเทมปุระร้านเดิม แม้ไม่ใช่ร้านดังที่คนชอบไปรีวิวกันเป็นเพียงร้านเล็ก ๆ ในซอยที่ฉันบังเอิญเดินไปเจอมันคือร้านลับ ๆ ของฉัน และแน่นอนว่าจะไปกินทุกครั้งที่มีโอกาสกลับไปว่าแล้วก็คิดถึงการเดินทางครั้งต่อไปแล้วสิ

หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะกับคนที่อยากเติมไฟแห่งการท่องเที่ยวที่ขาดหายมาเกือบ 3 ปี อย่างเช่นฉันเองที่หลงลืมความรู้สึกนั่นไปนานเพราะกลายเป็นคนติดบ้านและติดแมวไปซะแล้ว ได้เวลากลับมาอ่านหนังสือท่องเที่ยว (ทั่วโลก) กันอีกครั้งแล้วค่ะ
^ ^
